Search

ศาลที่ 1 ศาลยุติธรรม


        ศาลตัดสินคดีทั่วไปทั้งหลาย ที่คนทั่วไปน่าจะรู้จักกันดี เพราะมักจะมีความเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของคนทั่วไปมากที่สุด ศาลประเภทนี้น่าจะเก่าแก่ที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ เพราะเป็นศาลตัดสินคดีทั่วไป ดังที่ได้กล่าวถึงมาโดยลำดับ ชื่อของศาลที่เรามักได้ยินกันบ่อยๆ เช่น ศาลชั้นต้น , ศาลอุทธรณ์ , ศาลฎีกา ก็ล้วนอยู่ในประเภท “ศาลยุติธรรม” นี้ทั้งสิ้น
      
        ในรัฐธรรมนูญปัจจุบัน ระบุอำนาจของศาลยุติธรรมไว้กว้างๆว่า “…ศาลยุติธรรมมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีทั้งปวง เว้นแต่คดีที่รัฐธรรมนูญนี้หรือกฎหมายบัญญัติให้อยู่ในอำนาจของศาลอื่น…” เรียกได้ว่า น่าจะมีอำนาจครอบจักรวาล แต่ในความเป็นจริงแล้วยังมีกฎหมายย่อยอีกมากมาย ที่บัญญัติให้คดีบางคดี ไปอยู่ในอำนาจของศาลอื่นๆ ซึ่งเราคงจะได้เห็นกันต่อไป
        นอกจากนี้ รัฐธรรมนูญยังกำหนดให้มีแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง อยู่ในศาลฎีกาอีกด้วย ซึ่งเปรียบเสมือนช่องทางพิเศษสำหรับควบคุมดูแลนักการเมืองทั้งหลาย ไม่ให้กระทำความผิดอื่นใด ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของระบบศาลยุติธรรม

ศาลที่ 2 ศาลทหาร


        เป็นศาลที่สันนิษฐานว่ามีความเก่าแก่รองลงมาจากศาลยุติธรรมทั่วไป เพราะเป็นศาลที่ใช้ตัดสินคดีของทหารทั้งหลายตามชื่อ ในประวัติศาสตร์ไทยมีศาลที่มีลักษณะของศาลทหารและการสงครามทั้งหลายมาแต่โบราณ เช่น กฎหมายลักษณะขบฎศึก จุลศักราช 796 หรือ ศาลกลาโหม ซึ่งอยู่ในสังกัดสมุหกลาโหม มาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 1 เป็นอย่างน้อย
        กำเนิดของศาลทหาร เป็นที่เข้าใจได้ว่ามีพัฒนาการมาจากการทำศึกสงครามในสมัยโบราณ อันเป็นเหตุให้การกระทำบางประการ จำเป็นต้องถูกยกเว้นโทษ ยกเว้นจากการตัดสินด้วยศาลปกติ หรือแม้แต่ให้อำนาจแก่ทหารมากกว่าปกติก็มี
        ในรัฐธรรมนูญปัจจุบัน ระบุถึงอำนาจของศาลทหารไว้เพียงสั้นๆว่า “…ศาลทหารมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีอาญา ซึ่งผู้กระทำผิดเป็นบุคคลที่อยู่ในอำนาจศาลทหารและคดีอื่น ทั้งนี้ ตามที่กฎหมายบัญญัติ…” ซึ่งทำให้เราทราบเพียงว่า ศาลทหารตัดสินคดีอาญาเท่านั้น (คดีแพ่ง จำพวกทหารฟ้องหย่า หรือทหารฟ้องแย่งมรดก ไม่เกี่ยว)

        ด้านพระราชบัญญัติธรรมนูญศาลทหาร พ.ศ. 2498 ก็ระบุถึงบุคคลที่อยู่ในอำนาจศาลทหารไว้ 8 ประเภท คือ
          1.นายทหารชั้นสัญญาบัตรประจำการ
        2.นายทหารชั้นสัญญาบัตรนอกประจำการ เฉพาะเมื่อกระทำผิดต่อคำสั่งหรือข้อบังคับตามประมวลกฎหมายอาญาทหาร
        3.นายทหารประทวนและพลทหารกองประจำการหรือประจำการ หรือบุคคลที่รับราชการทหารตามกฎหมายว่าด้วยการรับราชการทหาร
        4.นักเรียนทหารตามที่กระทรวงกลาโหมกำหนด
        5.ทหารกองเกินที่ถูกเข้ากองประจำการ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารได้รับตัวไว้เพื่อให้เข้ารับราชการประจำอยู่ในหน่วยทหาร
        6.พลเรือนที่สังกัดอยู่ในราชการทหาร เมื่อกระทำผิดในหน้าที่ราชการทหารหรือกระทำผิดอย่างอื่นเฉพาะใน หรือบริเวณ อาคาร ที่ตั้งหน่วยทหาร ที่พักร้อน พักแรม เรือ อากาศยาน หรือยานพาหนะใด ๆ ในควบคุมของเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร
        7.บุคคลซึ่งต้องขังหรืออยู่ในความควบคุมของเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารโดยชอบด้วยกฎหมาย
        8.เชลยศึกหรือชนชาติศัตรูซึ่งอยู่ในความควบคุมของเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารและจากมาตรา 6 ศาลทหารตามพระราชบัญญัตินี้ ยังแบ่งออกเป็น 3 ชั้น คือ
        – ศาลทหารชั้นต้น
        – ศาลทหารกลาง
        – ศาลทหารสูงสุด
และในเวลาที่มีการรบ หรือการสงคราม หรือมีการประกาศใช้กฎอัยการศึก จะให้มีศาลอาญาศึก ด้วยก็ได้
        ข้อมูลจากกรมพระธรรมนูญ ซึ่งเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบศาลทหารโดยตรง ยังให้รายละเอียดที่น่าสนใจไว้อีกว่า ศาลทหารบางเขต เช่น ศาลทหารกรุงเทพ จะมีขอบเขตอำนาจกว้างขวาง ไม่จำกัดพื้นที่ ครอบคลุมทั้งภายในและภายนอกราชอาณาจักร แต่โดยปกติถ้าการกระทำผิดเกิดขึ้นในท้องถิ่นที่มีศาลทหารจังหวัด หรือศาลทหารของมณฑลทหาร ก็ให้พิจารณาพิพากษาในศาลทหารท้องถิ่นเหล่านั้น
        ขณะเดียวกันก็มีการระบุไว้ด้วยว่า คดีที่จะไม่อยู่ในอำนาจศาลทหารแน่ๆ ก็มี เช่น คดีที่บุคคลที่อยู่ในอำนาจศาลทหารกับบุคคลที่มิได้อยู่ในอำนาจศาลทหารกระทำผิดด้วยกัน (ทหาร ร่วมมือกับพลเรือน ไปทำความผิด), คดีที่เกี่ยวพันกับคดีที่อยู่ในอำนาจศาลพลเรือน, คดีที่ต้องดำเนินในศาลคดีเด็กและเยาวชน และคดีที่ศาลทหารเห็นว่าไม่อยู่ในอำนาจศาลทหาร

ศาลที่ 3 ศาลปกครอง


        เป็นศาลที่เพิ่งเกิดขึ้นในไทย เมื่อ พ.ศ. 2540 ตามรัฐธรรมนูญ 2540 เพื่อตัดสิน “คดีปกครอง” ตามแบบอย่างที่ประเทศอื่นๆ เช่น ฝรั่งเศส, สวีเดน, โปแลนด์, เยอรมนี ฯลฯ มีกัน ซึ่งคำว่า “คดีปกครอง” นี้ จะตีความง่ายๆว่า คดีที่เกี่ยวพันระหว่างผู้ปกครอง กับ ผู้ใต้ปกครองก็ได้ โดยจุดประสงค์คือจะคุ้มครองผู้อยู่ใต้ปกครอง

        รัฐธรรมนูญไทยปัจจุบัน พ.ศ. 2550 ระบุอำนาจของศาลปกครองไว้ค่อนข้างละเอียดมาก ว่า “…ศาลปกครองมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีพิพาทระหว่างหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือองค์กรตามรัฐธรรมนูญ หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ กับ “เอกชน” หรือคดีพิพาทระหว่าง หน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือองค์กรตามรัฐธรรมนูญหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ “ด้วยกันเอง”  อันเนื่องมาจากการใช้อำนาจทางปกครองตามกฎหมาย หรือเนื่องมาจากการดำเนินกิจการทางปกครองของหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือองค์กรตามรัฐธรรมนูญ หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ…” และแม้รัฐธรรมนูญจะเปิดช่องให้มีการตั้งศาลปกครองชั้นอุทธรณ์ได้ แต่ทุกวันนี้ก็ยังมีศาลปกครองแค่ 2 ชั้น คือศาลปกครองชั้นต้น กับ ศาลปกครองสูงสุด เท่านั้น

        ตัวอย่างคดีที่ขึ้นศาลปกครองจนโด่งดังเป็นข่าว ก็มีหลายคดี เช่น คดีที่ การรถไฟแห่งประเทศไทย กับ กรุงเทพมหานครแย่งสิทธิ์เหนือตลาดสวนจตุจักร หรือ คดีที่ผู้ประกอบการรีสอร์ทวังน้ำเขียว ขอไม่ให้กรมอุทยานแห่งชาติฯ มารื้อรีสอร์ทแม้จะตั้งมาสิบกว่าปี แต่ศาลปกครองก็แสดงอำนาจและบทบาทหน้าที่ ได้มากทีเดียว
      

ศาลที่ 4 ศาลรัฐธรรมนูญ

 
       เป็นศาลที่เพิ่งเกิดขึ้นในไทย เมื่อ พ.ศ. 2540 ตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540 เช่นเดียวกับศาลปกครอง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อตัดสินคดีที่เกี่ยวข้องกับรัฐธรรมนูญ หรืออธิบายง่ายๆ ก็คือ ถ้ามีข้อสงสัยใดใดเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญ และสงสัยว่าจะขัดแย้งต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ ก็ให้ร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญนี้ได้

        ศาลรัฐธรรมนูญเป็นศาลที่มีในบางประเทศ เช่น โปแลนด์, ฝรั่งเศส, เยอรมนี ฯลฯ แต่ในสหรัฐอเมริกาก็มีผู้อธิบายว่า ศาลสูงสุดของสหรัฐอเมริกา ก็มีลักษณะเป็นศาลรัฐธรรมนูญด้วยเช่นกัน เพราะตัดสินคดีที่เกี่ยวกับรัฐธรรมนูญได้ด้วย

        ในขณะที่ศาลยุติธรรม และ ศาลปกครอง มีคณะกรรมการศาลเป็นผู้ดำเนินการแต่งตั้งผู้พิพากษาศาลทหารก็มีรัฐมนตรีกลาโหม และผู้บังคับบัญชาหน่วยทหาร จังหวัดทหาร มณฑลทหาร เป็นผู้แต่งตั้งผู้พิพากษาศาล

        ศาลรัฐธรรมนูญมีวิธีสรรหาผู้พิพากษาที่ซับซ้อนไม่น้อย กล่าวคือ คณะตุลาการมี 9 คน พระมหากษัตริย์จะทรงแต่งตั้งตามคำแนะนำของ “วุฒิสภา” จากบุคคลดังต่อไปนี้
        1. ผู้พิพากษาในศาลฎีกา ซึ่งได้รับเลือกโดยที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา จำนวน 3 คน
        2. ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดซึ่งได้รับเลือกโดยที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด จำนวน 2 คน
        3. ผู้ทรงคุณวุฒิสาขานิติศาสตร์ซึ่งมีความรู้ความเชี่ยวชาญทางด้านนิติศาสตร์อย่างแท้จริง จำนวน 2 คน
        4. ผู้ทรงคุณวุฒิสาขารัฐศาสตร์ รัฐประศาสนศาสตร์ หรือสังคมศาสตร์อื่น ซึ่งมีความรู้ความเชี่ยวชาญทางด้านการบริหารราชการแผ่นดินอย่างแท้จริง จำนวน 2 คน
       
และศาลรัฐธรรมนูญ ก็ยังเป็นศาลประเภทเดียวจาก 4 ศาลตาม ที่ไม่มีการกล่าวถึงอำนาจของศาลอย่างชัดเจนไว้ในรัฐธรรมนูญ เพราะในรัฐธรรมนูญนั้น ศาลอีก 3 ศาล จะมีการระบุอำนาจของศาลไว้ในมาตราแรกของส่วนนั้นเลย แต่ในส่วนของศาลรัฐธรรมนูญนั้น มาตราแรกจะระบุถึงการองค์ประกอบของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทันที โดยไม่ได้ระบุถึงอำนาจของศาลไว้แต่อย่างใดในมาตรานั้น

        แต่ในมาตราต่อๆไป ก็จะมีการกล่าวถึงอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญอยู่พอประมาณด้วย เช่นในมาตรา 212 จะระบุว่า “…บุคคลซึ่งถูกละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพที่รัฐธรรมนูญนี้รับรองไว้ มีสิทธิยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อมีคำวินิจฉัยว่าบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญได้…” หรือในมาตรา 213 ก็มีการกล่าวไว้ว่า “…ศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจเรียกเอกสารหรือหลักฐานที่เกี่ยวข้องจากบุคคลใด หรือเรียกบุคคลใดมาให้ถ้อยคำ ตลอดจนขอให้พนักงานสอบสวน หน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือราชการส่วนท้องถิ่น ดำเนินการใดเพื่อประโยชน์แห่งการพิจารณาได้…” 

        จึงถือว่าเป็นศาลที่มีอำนาจมากทีเดียว ซึ่งเราคงจะเห็นได้จากสถานการณ์ทั่วไปในปัจจุบัน ว่าศาลรัฐธรรมนูญมีการแสดงบทบาทเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์บ้านเมืองอย่างไรบ้างและด้วยเหตุที่ศาลตุลาการทั้งหลาย เป็นหน่วยงานที่มีบทบาท อำนาจ อิทธิพล เป็นอย่างมาก จึงถูกคาดหมายว่า จะต้องอยู่เป็นหนึ่งในเสาหลักสำคัญของบ้านเมืองได้ตลอดไปเช่นกัน……..”

 




อ้างอิง
1. เตมีย์ชาดก – ( พระเตมีย์ใบ้ ), เว็บไซต์ธรรมะไทย (เข้าถึงเมื่อวันที่ 17 เมษายน 2557)
2. ประมวลกฎหมายฮัมมูราบี (Code of Hammurabi), เว็บไซต์ trueปลูกปัญญา (เข้าถึงเมื่อวันที่ 17 เมษายน 2557)
3. ภาพการแสดงพิพิธภัณฑ์ศาลไทย, เว็บไซต์สำนักงานศาลยุติธรรม (เข้าถึงเมื่อวันที่ 17 เมษายน 2557)
4. บทความ: ยืดอกเดินขึ้นศาล ตามรอยตุลาการไทย, เว็บไซต์ผู้จัดการออนไลน์, วันที่ 23 สิงหาคม 2554 (เข้าถึงเมื่อวันที่ 17 เมษายน 2557)
5. กฎหมายตราสามดวง, เว็บไซต์ไทยลอว์ดอทคอม (เข้าถึงเมื่อวันที่ 17 เมษายน 2557)
6. การปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม (กฎหมายและการศาล), เว็บไซต์หอจดหมายเหตุอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ (เข้าถึงเมื่อวันที่ 17 เมษายน 2557)
7. ข้อมูลเรื่องศาลทหาร (ประเทศไทย) ศาลปกครอง ศาลปกครอง (ประเทศไทย) ศาลรัฐธรรมนูญ และ ศาลรัฐธรรมนูญ (ประเทศไทย) จากวิกิพีเดียว (เข้าถึงเมื่อวันที่ 17 เมษายน 2557)