Search

ส่วนนิติการ เข้าร่วมพิธีสดุดีและไว้อาลัยต่อการถึงแก่อนิจกรรมของ ศาสตราจารย์ ดร.วิจิตร ศรีสอ้าน อธิการบดีผู้ก่อตั้งและอดีตนายกสภามหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์

เมื่อวันที่ 4 ต.ค.66 เวลา 16.00 น. ศาสตราจารย์ ดร.สมบัติ ธำรงธัญวงศ์ รักษาการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ นำคณะผู้บริหาร บุคลากรและนักศึกษา รวมกว่า 1,000 คน ร่วมพิธีสดุดีและไว้อาลัยต่อการถึงแก่อนิจกรรมของ ศาสตราจารย์ ดร.วิจิตร ศรีสอ้าน อธิการบดีผู้ก่อตั้งและอดีตนายกสภามหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ปูชนียบุคคลด้านการบริหารการศึกษาที่มีบทบาทสำคัญยิ่ง ในการพัฒนาระบบการศึกษาของประเทศไทยและมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ โดยมีนายแพทย์บัญชา พงษ์พานิช อดีตรองอธิการบดีผู้ร่วมก่อตั้งมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ตลอดจนกรรมการรณรงค์ให้มีการจัดตั้งมหาวิทยาลัยฯลฯ เข้าร่วมไว้อาลัย ณ หอประชุมใหญ่ อาคารไทยบุรี

โอกาสนี้ ศาสตราจารย์ ดร.สมบัติ ธำรงธัญวงศ์ ได้กล่าวสดุดีแด่ ศาสตราจารย์ ดร.วิจิตร ศรีสอ้าน ความว่า  ศาสตราจารย์ ดร.วิจิตร ศรีสอ้าน เป็นนักอักษรศาสตร์ นักบริหารการศึกษาที่มีจิตวิญญาณของความเป็น “ครู” เป็นนักปราชญ์ที่ทุ่มเททำงานเพื่อประเทศชาติ โดยเฉพาะด้านการศึกษาอย่างจริงจังและต่อเนื่องยาวนาน ก่อเกิดคุณูปการอย่างยิ่งต่อการพัฒนาการศึกษาของชาติ

ศาสตราจารย์ ดร.วิจิตร ศรีสอ้าน เป็นอธิการบดีผู้ก่อตั้งมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ โดยดำรงตำแหน่งตั้งแต่ปีพุทธศักราช 2535 ถึงปีพุทธศักราช 2541 รวม 7 ปี ท่านมีปณิธาน ความมุ่งมั่น อุทิศแรงกาย แรงใจ และสติปัญญา เพื่อพัฒนามหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ให้เจริญก้าวหน้ามาอย่างต่อเนื่อง เป็นผู้กำหนดวิสัยทัศน์ ให้นโยบาย วางโครงสร้าง ระบบงานของมหาวิทยาลัย เช่น หลักการเป็นมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ การยึดหลักธรรมัตตาภิบาล การเป็นมหาวิทยาลัยสมบูรณ์แบบ ความเป็นเมืองมหาวิทยาลัย การจัดการศึกษาแบบไตรภาค ระบบสหกิจศึกษา การรวมบริการประสานภารกิจ และการผลิตบัณฑิตให้เป็นคนดีและคนเก่ง เป็นต้น โดยท่านได้บริหารงานขับเคลื่อนมหาวิทยาลัยให้มีความพร้อมสมบูรณ์ในทุกด้าน และทำให้มหาวิทยาลัยเปิดรับนักศึกษารุ่นแรกได้ ในปีการศึกษา 2541

ศาสตราจารย์ ดร.วิจิตร ศรีสอ้าน เป็นนายกสภามหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ตั้งแต่วันที่ 28 มกราคม 2551 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2564 รวม 13 ปี 5 เดือน เป็นผู้ริเริ่มให้นโยบายด้านนวัตกรรมทางการศึกษา คอยผลักดัน ส่งเสริมสนับสนุนการดำเนินงาน และแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นของมหาวิทยาลัย โดยมีผลงานโดดเด่นเป็นที่ยอมรับโดยทั่วกัน เช่น การปฏิรูปการทำงานของสภามหาวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ การพัฒนาระบบสหกิจศึกษา การให้ความสำคัญกับพันธกิจด้าน Social Engagement การผลักดันให้มีศูนย์การแพทย์ การนำระบบการจัดการเรียนการสอนที่ได้มาตรฐานสากล คือ UKPSF ประเทศอังกฤษ มาใช้เป็นเครื่องมือพัฒนาอาจารย์ให้เป็นคณาจารย์มืออาชีพ เป็นต้น

ด้วยรากฐานและโครงสร้างอันมั่นคงของมหาวิทยาลัย ที่ท่านอธิการบดีผู้ก่อตั้ง ได้วางไว้ ประกอบกับการนำนวัตกรรมทางการศึกษามาใช้สำหรับการบริหารงาน รวมถึงการส่งเสริมสนับสนุน การดำเนินงานในทุกพันธกิจ ที่ศาสตราจารย์ ดร.วิจิตร ศรีสอ้าน อดีตนายกสภามหาวิทยาลัย ได้ให้ไว้แก่มหาวิทยาลัย ล้วนแล้วแต่มีคุณค่าและเกิดประโยชน์อย่างยิ่ง ท่านได้มีส่วนสำคัญยิ่งในการพัฒนาขับเคลื่อนมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ไปสู่การเป็นมหาวิทยาลัยที่ได้รับการจัดอันดับโลก จนกระทั่งสถาบัน THE ซึ่งเป็นสถาบันจัดอันดับโลกของมหาวิทยาลัย ได้ประกาศการจัดอันดับโลกปี 2024 โดยให้มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์อยู่ในอันดับที่ 1201+ และอันดับที่ 6 ร่วมของประเทศไทย นำมาซึ่งความปลื้มปิติยินดีของชาววลัยลักษณ์ และความชื่นชมยินดี เป็นที่ยอมรับจากสถาบันอุดมศึกษาและหน่วยงานต่าง ๆ ทั่วประเทศ

นับจากนี้ไป แม้ไม่มีศาสตราจารย์ ดร.วิจิตร ศรีสอ้าน คอยเป็นเสาหลักให้กับมหาวิทยาลัยแต่คุณงามความดีที่ท่านทำให้กับมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ผู้บริหาร บุคลากร นักศึกษา ชาวท่าศาลา ชาวนครศรีธรรมราช จะยังคงตราตรึงในความทรงจำและความสำนึกไม่มีวันเสื่อมคลาย ในโอกาสนี้ กระผมในนามของมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ขอแสดงความรัก ความเคารพ ความอาลัยและความเสียใจอย่างสุดซึ้ง ต่อการถึงแก่อนิจกรรมของท่านศาสตราจารย์ ดร.วิจิตร ศรีสอ้าน ขออาราธนาอำนาจแห่งคุณพระศรีรัตนตรัย สิ่งศักดิ์สิทธิ์ และคุณงามความดีที่ศาสตราจารย์ ดร.วิจิตร ศรีสอ้าน ได้กระทำไว้เมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่ โปรดดลบันดาลให้ดวงวิญญาณของท่าน ไปสถิตเสวยอุดมสุข ในทิพยวิมาน สุคติสถาน ในสัมปรายภพ 

จากนั้น นายแพทย์บัญชา พงษ์พานิช อดีตรองอธิการบดีผู้ร่วมก่อตั้งมหาวิทยาลัยและผู้มีคุณูปการต่อมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ได้กล่าวคำสดุดี  นักศึกษาหลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาภาษาไทย  ได้ขับเสภาเพื่อเป็นการสดุดี และผู้เข้าร่วมพิธีทุกคนได้ยืนไว้อาลัยเป็นเวลา 1 นาที และร่วมกันร้องเพลง “รักวลัยลักษณ์” เพื่อแสดงพลังของความรัก ความเคารพ แด่ศาสตราจารย์ ดร.วิจิตร ศรีสอ้าน ในโอกาสสุดท้ายนี้ โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า พร้อมร่วมกันลงนามในสมุดลงนามไว้อาลัยด้วย